สวัสดีครับ ฉลองคอลัมน์แรกของพี่เบียร์ในวันที่ 10 มีนาคม 2564 ถือว่าเป็นวันดีมากๆ เพราะว่าเป็นวันครบรอบก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชลซีปีที่ 116 และคิดว่าเราจะมาพบกันแบบนี้เป็นประจำทุกวันพุธ เพื่อชวนคุยเรื่องฟุตบอล เรื่องเชลซี และเรื่องดีๆอีกมากมาย
ขอเริ่มคอลัมน์นี้ด้วยการเขียนสรุปฟอร์มการเล่นของเชลซีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และประสบการณ์สุดพิเศษจาก Singha World of Football ที่ได้จัดให้พี่เบียร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษของเชลซี ผ่านทางวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ นั่นก็คือ ‘Virtual Traning Ground Experience’ ซึ่งมีผู้ที่ได้รับโอกาสเข้าร่วมประมาณ 20 คนจากทั่วโลก
กิจกรรมนี้เชลซีได้มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้เข้าร่วม นั่นก็คือการได้เยี่ยมชมในทุกๆส่วนของสนามซ้อมของทีมเชลซีอย่างที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน โดยมีพิธีกรสาวสวยอย่างคุณราเชลคอยอธิบายรายละเอียด และไกด์นำทัวร์ของพวกเราก็คือ ‘กัปตันเดฟ’ เซซ่าร์ อัซปิลิเกวต้า นั่นเอง
หลังจากที่กัปตันเดฟได้พาพวกเราทัวร์สนามซ้อมในหลายๆมุม ไม่ว่าจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยิม สระว่ายน้ำ ห้องแถลงข่าว และอื่นๆอีกมากมายแล้ว คุณราเชลก็ได้ถามคำถามจากการทัวร์สนามซ้อม เพื่อค้นหาผู้โชคดีสองคน ที่จะได้รับเสื้อพร้อมลายเซ็นของเซซ่าร์ และก็น่่าเสียดายว่า ผู้โชคดีสองคนนั้นไม่ใช่พี่เบียร์ T-T
แต่ก็มีเซอร์ไพรส์จากเชลซีที่มอบให้กับพวกเราทุกคน นั่นก็คือ การได้พูดคุยแบบเอ๊กซ์คลูซีฟกับแขกรับเชิญซึ่งเป็นอดีตศูนย์หน้าของเชลซี ‘จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์’ ซึ่งหลายๆคนได้ถามคำถามที่น่าสนใจมากมาย และพี่เบียร์ได้นั่งฟังด้วยความสุขใจก็ฟินแล้ว (แอบบอกว่าสำเนียงของจิมมี่ ฟังง่ายกว่าสำเนียงอังกฤษของคุณราเชล พิธีกรสาวสวยของเรามาก เพราะว่าพี่เบียร์ไม่ได้เจนจัดในเรื่องภาษามากเท่าไหร่นัก) และคำถามสำคัญคือ คุณคิดว่าสกอร์ในเกมที่ เชลซี จะบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล จะเป็นอย่างไร? จิมมี่ คิดแป๊ปเดียวแล้วตอบว่า “เชลซี จะชนะ 2-1 ครับ” พี่เบียร์คิดในใจว่า ฮ่า คิดว่าเชลซีจะชนะเหมือนกันเลย
จากกิจกรรมก่อนเกมที่เชลซีจะบุกไปเยือน ‘หงส์แดง ลิเวอร์พูล’ พี่เบียร์ก็ต้องขอขอบคุณ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และเพจ Singha World of Football ที่ได้มอบโอกาสพิเศษในครั้งนี้ ทำให้ยิ่งหึกเหิมในการเชียร์เชลซีมากขึ้นไปอีก และวันถัดมา เกมบิ๊กแมทช์แรกของเดือนนี้ก็เริ่มต้นขึ้น
ลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี ก่อนเกมนี้ต้องบอกว่าเชลซีมีฟอร์มการเล่นที่ดีกว่า แต่มีคะแนนนำลิเวอร์พูลอยู่เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ในขณะที่ฟอร์มของ ‘หงส์แดง’ ในบ้านนั้นโคตรย่ำแย่ โดยแพ้ติดต่อกันมาถึง 4 นัดรวดแล้ว เกมนี้ก็หวังจะพลิกสถานการณ์ด้วยการเอาชนะ ‘สิงห์บูลส์’ ให้ได้ แต่ความมั่นใจของพี่ก็คือ เกมรับของเชลซีในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล เหนียวแน่นมากๆ และเพิ่งโดนคู่แข่งยิงได้แค่ประตูเดียว จากฝีเท้าของ ‘มินามิโนะ’ นั่นเอง ส่วนอีกประตูที่เชลซีเสียไป ก็คือการทำเข้าประตูตัวเองของ ‘อันโตนิโอ รูดิเกอร์’ ทำให้คิดว่า เกมนี้เราน่าจะเสียประตูยาก และถ้ามีจังหวะดีๆสักครั้งที่ทำให้เรายิงได้ซัก 1 ประตู ก็เพียงพอแล้วที่จะเก็บสามคะแนนกลับบ้านได้อย่างแน่นอน
และแล้วก็เป็นไปตามคาด เชลซีเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น และประตูสุดสวยจาก ‘เมสัน เมาท์’ ก็ทำให้พวกเราขยับขึ้นสู่อันดับท๊อปโฟว์ทันที และหลายคนในเกมนี้ก็เล่นได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่กองหลังอย่าง ‘อันเดรียส คริสเตนเซ่น’ ที่คุมเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง กองกลาง ‘เอนโกโล่ กองเต้’ ที่ช่วยตัดบอลจังหวะสำคัญได้หลายครั้ง และหน้าเป้าในเกมนี้ก็คือ ‘ติโม แวร์เนอร์’ ที่ถึงแม้ว่าลูกยิงของเค้าจะถูก VAR ปฏิเสธไป แต่เราก็ได้เห็นความอันตรายและความเร็วในการวิ่งตัดกองหลัง สร้างโอกาสให้กับทีมได้หลายครั้ง แต่ยังขาดแค่เพียงความมั่นใจอีกเล็กน้อยเท่านั้น พี่เบียร์จึงมั่นใจว่า เค้าจะเป็นอนาคตของทีมได้อย่างแน่นอน
ส่วนเกมต่อมา เชลซีต้องเจอกับทีมจากเมอร์ซี่ไซด์อีกครั้งอย่าง ‘เอฟเวอร์ตัน’ ซึ่งแตกต่างจากลิเวอร์พูลตรงที่ทีม ‘ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน’ นั้นอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นที่ดี และเพิ่งบุกไปชนะ ‘หงส์แดง’ มาได้เหมือนกัน พร้อมเก็บชัยชนะ 3 นัดรวด ทำให้หลายๆสื่อมองว่าเชลซีอาจจะโดนเอฟเวอร์ตันบุกมายิงประตูถึง ‘สแตมฟอร์ดบริดจ์’ ได้ แต่เกมนี้ก็สำคัญและมีผลโดยตรงต่อการลุ้นพื้นที่ ‘ท๊อปโฟว์’ โดยตรงอีกเช่นกัน
หลังประกาศรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง โธมัส ทูเคิ่ล เลือกที่จะพักนักเตะหลักอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เอนโกโล่ กองเต้ และ เมสัน เมาท์ ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้มีเสียงหวั่นใจเล็กน้อยจากแฟนบอลว่าจะเอาชนะเอฟเวอร์ตันได้หรือไม่ ทั้งในแดนหลังที่เป็น เคิร์ต ซูม่า, แดนกลางที่ไม่มีกองเต้ และตัวรุกอย่าง ‘ไค ฮาแวร์ตซ์’ ที่หลายคนคิดว่าชั่วโมงนี้ยังเล่นดีไม่เท่า เมสัน เมาท์
แต่แผนการเล่นที่ดูจากรายชื่อกับการยืนพื้นที่จริงในสนามนั้นแตกต่างกันออกไป เมื่อในเกมนี้เชลซีมาในระบบ False9 โดยให้ ‘ฮาร์แวร์ตซ์’ มายืนหน้าต่ำ (หรือกองหน้าตัวหลอก) แทนที่จะเป็นกองกลางตัวรุกเหมือนกับ เมสัน เมาท์ และจับเอา ติโม แวร์เนอร์ ไปยืนทางด้านขวาแทน ผลปรากฏว่า ฟอร์มของฮาร์แวร์ตซ์เฉิดฉายขึ้นมาทันทีในเกมนี้ เพราะเป็นจริงตามที่ ทูเคิ่ล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เค้านั้นเหมาะที่จะยืนตรงกลางเป็นหน้าต่ำ” แต่ไม่ใช่แค่การยืนรอบอลในกรอบเขตโทษเท่านั้น ฮาร์แวร์ตซ์ ยังทำหน้าที่ดึงตัวประกบ เพื่อสร้างโอกาสให้ ‘โอดอย’ และ ‘แวร์เนอร์’ ได้ทะลุทะลวงเข้ากรอบเขตโทษ หรือแม้กระทั่งวิงแบคอย่าง ‘มากอส อลอนโซ่’ ที่เติมเกมบุกขึ้นมาทางริมเส้นได้อย่างสนุกไม่แพ้กัน อีกทั้งฮาร์แวร์ตซ์ยังลงมาเชื่อมเกมแดนกลาง ทำให้เชลซีมีเปอร์เซนต์ครองบอลมากกว่าเอฟเวอร์ตันแบบคนละเรื่อง
จากสองเกมนี้จึงได้เห็น ‘กึ๋น’ ของโธมัส ทูเคิ่ล ว่าเป็น ‘ของจริง’ และทำให้แฟนเชลซีอย่างพี่ได้เชียร์สนุกขึ้นมาอย่างมากมาย หลังจากที่เริ่มดูบอลจริงจังอีกครั้ง เริ่มทำรายการข่าวเมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา และตอนนี้เริ่มศึกษาและวิเคราะห์แผนการเล่นมาขึ้น ทำให้รู้ว่าการคุมทีมในรายละเอียดนั้นยังต้องให้เวลา ‘แฟรงค์ แลมพาร์ด’ อดีตผู้จัดการทีมและตำนานของเราได้ออกเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกซักระยะ ปาดน้ำตาแล้วลืมความผิดหวังที่เราต้องเปลี่ยนโค้ชอีกครั้ง อย่างน้อยก็คิดว่า ‘แลมพาร์ดของเรา’ น่าจะได้ประสบการณ์มากมายในการคุมเชลซีครั้งนี้ และวันหนึ่งเค้าจะต้องเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของ ‘โธมัส ทูเคิ่ล’ คนที่พี่เบียร์ ‘ปรามาส’ ว่าคงจะคุมเชลซีได้ไม่นานถ้าหากคิดจะมางัดข้อกับบอร์ดบริหารของสิงห์บลูส์ แต่จากการที่เค้าเลือก ‘เบน ชิลเวลล์’ และ ‘เอนโกโล่ กองเต้’ ในการเล่นแบบเน้นรับกับลิเวอร์พูล, การเลือก ‘อลอนโซ่’ ในการเน้นเกมรุกริมเส้นกับเอฟเวอร์ตัน และการเปลี่ยนแผนมาเล่นระบบ Fault9 เพื่อที่จะใช้งาน ‘ไค ฮาร์แวร์ตซ์’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์คุณภาพของเค้าในเวลาอันรวดเร็ว และเค้ายังได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นกุนซือยุคพรีเมียร์ลีกคนแรก ที่คุมทีมเล่นในบ้าน 5 นัดแรกโดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว
เชลซีของเรากลับมาเล่นได้สมกับเป็นทีมใหญ่อีกครั้ง นั่นทำให้แฟนบอลได้เชียร์กันอย่างสนุกและเร้าใจ สร้างความหึกเหิมได้ก่อนแข่งทุกนัด แม้ว่าจะยังไม่มีแฟนบอลเข้าไปชมในสนามได้ตอนนี้ และยังไม่มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่มที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ก็ตาม แต่ทีมอย่างเชลซีจะต้องมีลุ้นทุกถ้วยและลุ้นชนะทุกๆนัดแบบนี้ แม้ว่าตอนจบเราจะสามารถคว้าแชมป์ได้หรือไม่ก็ตาม แต่เสียงเชียร์จะดังกระหึ่มจากที่บ้านของแฟนเชลซีทั่วโลก และทุกๆนัดที่ได้ชมคือกำไรแล้วครับ
เชลซีผ่านประวัติศาสตร์มาถึง 116 ปีแล้ว เราไม่ใช่ทีมที่ไม่มีประวัติศาสตร์ และไม่ใช่แค่ทีมที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จดังคำครหาก่อนหน้านี้อีกต่อไป และวันนี้เราก็กำลังอยู่ในยุคแห่งการสร้างประวัติศาสตร์ของทีมสิงห์บลูส์ เพราะฉะนั้นจึงควรค่าแก่การภูมิใจที่ได้เชียร์ทีมนี้ ‘ทีมสิงโตน้ำเงินครามแห่งกรุงลอนดอน’ ทีมเดียวจากเมืองหลวงของอังกฤษที่เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมดังฉายาใหม่ที่ว่า ‘The Pride of London’
สุขสันต์วันเกิด ครบรอบ 116 ปี ของการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชลซี
#เบียร์ซีเอฟซี #ส่องมุมสิงห์
632 total views, 1 views today
กินเที่ยวเชียร์ by BEER CFC
แฟนบอลสายกิจกรรมที่ชอบพบปะ สังสรรค์ และร่วมสนุกกับทุกคน